นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เปิดเผยว่าสืบเนื่องจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2559 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559 นั้น “พระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2559” ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ จำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เป็นจำนวนดังต่อไปนี้
วงเงินการคุ้มครองเงินฝาก
ระยะเวลา |
กำหนดวงเงินความคุ้มครองเงินฝาก |
ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2559 ถึง 10 ส.ค. 2561 |
จำนวน 15 ล้านบาท |
ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2561 ถึง 10 ส.ค. 2562 |
จำนวน 10 ล้านบาท |
ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2562 ถึง 10 ส.ค. 2563 |
จำนวน 5 ล้านบาท |
ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป |
จำนวน 1 ล้านบาท |
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้คือ โดยที่ภาวะเศรษฐกิจ ระบบการเงินและสถาบันการเงินภายในประเทศยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงและความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และระบบสถาบันการเงินในภาพรวม ตลอดจนเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่ ผู้ฝากเงินและประชาชนต่อระบบสถาบันการเงินของประเทศ สมควรกำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป ซึ่งเป็นการกำหนดจำนวนเงินสูงกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 53 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองเงินฝาก ได้ทางศูนย์บริการข้อมูลคุ้มครองเงินฝาก โทร.1158 และศึกษาข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ www.dpa.or.th
ปรับปรุงล่าสุด 29 ก.พ. 2567
สงวนสิทธิ์โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก