คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. ....
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559 ได้มีมติให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป เป็นการขยายระยะเวลาที่จะบังคับใช้วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท จากเดิมบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2559 เลื่อนเป็นตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2563 โดยมีการทยอยปรับวงเงินคุ้มครองเป็นลำดับขั้น ดังนี้
วงเงินการคุ้มครองเงินฝาก
ระยะเวลา |
กำหนดวงเงินความคุ้มครองเงินฝาก |
ปัจจุบัน ถึงวันที่ 10 ส.ค. 2559 |
จำนวน 25 ล้านบาท |
ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2559 ถึง 10 ส.ค. 2561 |
จำนวน 15 ล้านบาท |
ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2561 ถึง 10 ส.ค. 2562 |
จำนวน 10 ล้านบาท |
ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2562 ถึง 10 ส.ค. 2563 |
จำนวน 5 ล้านบาท |
ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป |
จำนวน 1 ล้านบาท |
ปัจจุบันสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกและเสถียรภาพของเศรษฐกิจและระบบสถาบันการเงินภายในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปี 2558 จากการคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ตลอดจนสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง และอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การปรับปรุงวงเงินความคุ้มครองเงินฝาก โดยการขยายวงเงินคุ้มครองเงินฝากเป็นการชั่วคราวและลดลงอย่างเป็นลำดับขั้น จะเป็นการสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การขยายวงเงินคุ้มครองเงินฝากเป็นการชั่วคราวและลดลงอย่างเป็นลำดับขั้นจะทำให้ผู้ฝากเงินมีระยะเวลาในการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่จะบริหารจัดการเงินฝาก และเงินลงทุนอย่างเหมาะสม
2. ร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 เกี่ยวกับขั้นตอนกระบวนการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน และกระบวนการดำเนินงานของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ยกเลิกการกำหนดให้ผู้ฝากเงินมายื่นขอรับเงินภายหลังที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยให้ สคฝ.จ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินตามจำนวนเงินฝากที่ปรากฏในบัญชีของผู้ฝากเงินทุกบัญชีรวมกัน โดยหักหนี้คงค้างทั้งจำนวนจากเงินฝากดังกล่าวก่อน โดยจ่ายคืนภายใน 30 วันนับแต่วันที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต
กำหนดให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย เพื่อประโยชน์ในการชำระบัญชี
กำหนดให้กรรมการในคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน ซึ่งเสนอชื่อโดย สคฝ. แจ้งข้อมูลการดำเนินการต่อ สคฝ.
กำหนดให้ สคฝ. มีอำนาจเพิ่มเติมในการกู้ยืมเงิน นอกจากการออกตราสารทางการเงินตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ สคฝ. กำหนดโดยอนุมัติของรัฐมนตรี
กำหนดให้คณะกรรมการ สคฝ.รายงานผลการดำเนินงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นรายครึ่งปี
ทั้งนี้ ผู้ฝากเงินจะได้รับคืนเงินฝากรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการยกเลิกขั้นตอนการยื่น คำขอคืนเงินฝาก และการหักหนี้คงค้างทั้งจำนวนก่อนการจ่ายคืนเงืนฝาก ตลอดจนการกำหนดให้กรรมการควบคุมที่ สคฝ. เสนอชื่อแจ้งข้อมูลการดำเนินการแก่ สคฝ. ทำให้ สคฝ.สามารถเตรียมความพร้อมใน การจ่ายคืนเงินฝากและชำระบัญชีหากสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต ส่งผลให้ป้องกันความตื่นตระหนกในการระดมถอนเงินฝากเป็นจำนวนมากจากสถาบันการเงินในระบบ อันจะเป็นการเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงต่อระบบสถาบันการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม
ปรับปรุงล่าสุด 29 ก.พ. 2567
สงวนสิทธิ์โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก