สถาบันคุ้มครองเงินฝาก จับมือ วิธิตากรุ๊ป ดึงคาร์แรคเตอร์การ์ตูนดัง ปังปอนด์จอมป่วน ร่วมผลิตสื่อการเรียนรู้ทางการเงิน ภายใต้โครงการผลิตหนังสือ Twin Book เพื่อผู้ด้อยโอกาสทางสังคม เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

กรุงเทพฯ – 22 กันยายน 2567 – สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA เดินหน้าสร้างการรับรู้การคุ้มครองเงินฝากและส่งเสริมวินัยทางการเงิน โดยจับมือกับ วิธิตากรุ๊ป เจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูนแอนิเมชั่นคาแรคเตอร์ชื่อดัง ปังปอนด์จอมป่วน ดำเนินการโครงการหนังสือ “Twin Book” ส่งเสริมการเรียนรู้ คู่สาระทางการเงิน    เพื่อเยาวชนไทย ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 2 ปี (2567 – 2568) ภายใต้นโยบายการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) ของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เพื่อให้ผู้ฝากและประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้เรื่องการคุ้มครองเงินฝากได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง การพัฒนาเนื้อหาสำหรับหนังสือ “Twin Book” ปังปอนด์จอมป่วน “มนต์วิเศษปกป้องเงินออม” เล่มนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสื่อสร้างสรรค์ที่ช่วยส่งเสริมความรู้การคุ้มครองเงินฝากและการกระตุ้นวินัยทางการเงินให้กับเด็กและเยาวชนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นและการได้ยิน โดยการเล่าเรื่องผ่านการ์ตูนคาแรคเตอร์ “ปังปอนด์จอมป่วนและผองเพื่อน” ร่วมกับ “ปกป้อง” ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ Mascot ตัวแทนสถาบันคุ้มครองเงินฝาก นำเสนอความรู้การคุ้มครองเงินฝากและการออมผ่านรูปแบบสื่อครบวงจรทั้งภาพ เสียงพากย์ การสัมผัส และภาษามือ 

ดร. มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก กล่าวว่า “สถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ DPA ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่คุ้มครองเงินฝาก สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากและประชาชนรู้สึกมั่นใจและอุ่นใจในการฝากเงินกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองนั้น ถือเป็นภารกิจและฟันเฟืองหลักที่สำคัญด้านหนึ่งในการรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินไทย การส่งเสริมความรู้และการเข้าถึงข้อมูลการคุ้มครองเงินฝากสำหรับผู้ฝากและประชาชนทุกกลุ่มจึงมีความสำคัญมาก สำหรับความร่วมมือที่ DPA จับมือกับวิธิตากรุ๊ปในครั้งนี้ถือเป็นการขยายองค์ความรู้การคุ้มครองเงินฝากและทักษะทางการเงินผ่านสื่อที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชนที่บกพร่องทางการมองเห็นและการได้ยิน ตอกย้ำการดำเนินงานของ DPA ที่ให้ความสำคัญและคำนึงถึงประโยชน์ต่อภาคสังคม ซึ่งเป็นค่านิยมหลักขององค์กรด้าน Social Mind ทำให้ทุกคนรู้ถึงข้อมูลที่เป็นสิทธิประโยชน์สำคัญสำหรับผู้ฝาก ไม่ว่าจะเป็นวงเงินคุ้มครองที่ปัจจุบันคุ้มครอง 1 ล้านบาทต่อ 1 ราย   ผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน รวมถึงรายชื่อสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง” 

หนังสือ “Twin Book” ปังปอนด์จอมป่วน “มนต์วิเศษปกป้องเงินออม” เป็นหนังสือที่ผู้บกพร่องทางการมองเห็นและการได้ยินสามารถใช้อ่านร่วมกันกับบุคคลอื่นได้ ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว     และเพื่อนๆในสถานศึกษา โดย DPA ได้ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นผู้ทำหน้าที่ผลิตหนังสือ Twin Book นี้ขึ้น โดยศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอดเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตอักษรเบรลล์ที่ได้มาตรฐานเหมาะแก่การอ่านสำหรับผู้พิการทางสายตา อีกทั้ง DPA ยังต่อยอดในการผลิตเนื้อหาเสียงพากย์หนังสือ Twin Book ให้มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยได้นักพากย์จิตอาสาที่เป็นพนักงานของ DPA และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมในโครงการฯ และความร่วมมือจากโรงเรียนเศรษฐเสถียรฯ ในการผลิตภาษามือ จึงทำให้หนังสือ Twin Book โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝากเล่มนี้มีความครบถ้วนครอบคลุมในทุกมิติ นอกจากนี้ DPA ยังผลิตคลิปวีดีโอการ์ตูนสั้นอีก 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 เผยวิถีเศรษฐีปังปอนด์ และ ตอนที่ 2 เผยเคล็ดวิชาที่คนอยากรวยต้องรู้ เพื่อให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินกับเนื้อหาที่ส่งเสริมและกระตุ้นวินัยทางการเงินได้อย่างต่อเนื่อง  

นางโชติกา อุตสาหจิต รองประธานกลุ่ม บริษัท วิธิตา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์คาแรกเตอร์  ปังปอนด์ ในเครือวิธิตากรุ๊ปมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ใช้ความเชี่ยวชาญของเราด้านคาแรกเตอร์การ์ตูน และอารมณ์ขัน มาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน เป็นสะพานให้องค์ความรู้ด้านการคุ้มครองเงินฝากและทักษะทางการเงิน ไปสู่กลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชนที่บกพร่องทางการมองเห็นและการได้ยินผ่านสื่อที่เข้าถึงง่ายอย่าง Twin Book และคลิปแอนิเมชั่น Edutainment ที่ทั้งสนุกสนานและให้ความรู้ และทำให้วิธิตากรุ๊ปได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางการศึกษาให้เกิดขึ้นในสังคมไทยร่วมกับทาง DPA นับเป็นโครงการที่เราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง”

โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝากมีแผนการผลิตหนังสือ Twin Book จำนวนรวม 3,666 เล่ม เพื่อกระจายไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งระดับบุคคลและหน่วยงานทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ผ่านองค์กรพันธมิตรต่างๆ อาทิ ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด, โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ, และโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ รวมถึงสมาคมคนตาบอด, มูลนิธิเพื่อคนตาบอด, ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการศึกษา, องค์กรคนตาบอด, ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้, วิทยาลัย, โรงเรียน, ห้องสมุดหรือหอสมุด สำหรับระยะที่ 1 ในปี 2567 นี้จะนำร่องส่งความรู้และความสุขให้กับเด็กๆ ของศูนย์การศึกษาพิเศษและโรงเรียนสอนผู้พิการทางสายตาและ หูหนวกรวม 28 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัดในภาคกลาง และในปี 2568 มอบให้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมอีก 640 แห่งครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้


ปรับปรุงล่าสุด 25 ต.ค. 2567

สงวนสิทธิ์โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก