สถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ ปี 2551 ตามพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ฝากเงินในสถาบันการเงินโดยเฉพาะผู้ฝากเงินรายย่อยที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ในกรณีที่สถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากถูกเพิกถอนใบอนุญาต ผู้ฝากเงินจะได้รับการจ่ายเงินคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากอย่างรวดเร็วภายใต้วงเงินและภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนเงินฝากที่มีจำนวนเกินวงเงินคุ้มครอง ผู้ฝากจะได้รับการเฉลี่ยคืนตามลำดับกฎหมาย จากการชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป
หน้าที่หลักของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
คุ้มครองเงินฝากให้แก่ผู้ฝากเงิน โดยจ่ายเงินคุ้มครองให้แก่ผู้ฝากโดยเร็วเมื่อสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต
เก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครอง เพื่อสะสมไว้เป็นกองทุนคุ้มครองเงินฝาก สำหรับใช้ในการจ่ายเงินคุ้มครองให้แก่ผู้ฝากเงินตามวงเงินและระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากสถาบันการเงินใดถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต และนำเงินที่ได้รับจากการชำระบัญชี เฉลี่ยคืนให้แก่ผู้ฝากในกรณีที่มีเงินฝากเกินวงเงินที่กำหนด
ประโยชน์ของการมีระบบคุ้มครองเงินฝาก
ประโยชน์ต่อผู้ฝากเงิน : เงินฝากได้รับความคุ้มครองทันที ที่ฝากเงินกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยไม่ต้องกังวลหากเกิดเหตุการณ์สถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ถูกเพิกถอนใบอนุญาต เนื่องจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะดำเนินการคุ้มครองผู้ฝากตามที่กฎหมายกำหนดอย่างรวดเร็ว
ประโยชน์ต่อระบบสถาบันการเงิน : การคุ้มครองเงินฝากเป็นกลไกที่เสริมสร้างเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินให้มีความเข้มแข็ง และช่วยให้การแข่งขันของสถาบันการเงินตามกลไกตลาดมีความเท่าเทียม ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินมีความเหมาะสม
ประโยชน์ต่อประเทศ : ภาครัฐไม่ต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาจ่ายเงินคุ้มครองให้กับผู้ฝากหากเกิดเหตุวิกฤตสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ถูกเพิกถอนใบอนุญาต แต่เป็นการนำเงินมาจากกองทุนคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งเป็นเงินกองทุนที่รวบรวมเก็บเงินนำส่งมาจากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
ปรับปรุงล่าสุด 1 เม.ย. 2567
สงวนสิทธิ์โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก