การพัฒนาของเทคโนโลยีทางการเงินที่ก้าวกระโดดเพื่อตอบรับยุคการเงินไร้พรมแดน ส่งผลให้มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย โดยหลายผลิตภัณฑ์สามารถใช้แทนที่เงินสดหรือการออมการลงทุนในรูปแบบเดิมได้ ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์แบบใดบ้างนั้น ขอเชิญท่านผู้อ่านติดตามได้ในบทความนี้

E-money

เป็นสื่อกลางการชำระเงินที่ใช้แทนเงินสด โดยผู้ใช้บริการ E-money จะมีการชำระเงินให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจไว้ล่วงหน้า เพื่อนำไปชำระค่าสินค้าหรือบริการแทนเงินสด และได้มีการบันทึกมูลค่าหรือจำนวนเงินที่ชำระไว้ล่วงหน้าในสื่อกลางประเภทใดประเภทหนึ่ง ตัวอย่างเช่น บัตรประเภทต่าง ๆ หรือแอปพลิเคชัน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ให้บริการ E-money ทั้งที่เป็นธนาคารและบริษัทเอกชนอื่น ๆ ที่มิใช่ธนาคาร ตัวอย่างบริษัท E-money ที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป อาทิ True money, Rabbit Line Pay เป็นต้น

Digital Currency

มักนิยมเรียกว่า "Virtual Currency" หรือ "Cryptocurrency" เป็นสกุลเงินที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ประมวลผลในแบบ Decentralized System โดยไม่จำเป็นต้องมีคนกลางมาบริหารจัดการให้เกิดความเชื่อมั่นของระบบ และสกุลเงินที่ใช้จะเป็นสกุลเงินที่แยกต่างหากจากธนาคารกลาง ซึ่งจะแตกต่างจาก E-money ที่ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีแบบรวมศูนย์ (Centralized System) และสกุลเงินยังคงอ้างอิงสกุลเงินของธนาคารกลางประเทศนั้น ๆ เช่น E-money ของประเทศไทยเป็นสกุลเงินบาท โดยตัวอย่างของ Digital Currency ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ Bitcoin และ Ethereum

Crowdfunding 

เป็นการระดมทุนจากผู้ลงทุนหลาย ๆ คน เพื่อสนับสนุนโครงการหรือธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง โดยผลตอบแทนอาจจะอยู่ในรูปของความเป็นหุ้นส่วน (Equity Crowdfunding) หรือได้รับการชำระคืนเป็นเงินสดพร้อมดอกเบี้ย (Debt Crowdfunding) ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนรายย่อยที่มีเงินลงทุนในจำนวนไม่มาก แต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของธุรกิจรายใหม่หรือขนาดเล็กที่ไม่สามารถระดมทุนจาก IPO มีเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ โดยการทำ Crowdfunding นั้น ส่วนมากจะดำเนินการผ่าน Platform ตัวอย่างของ Platform Crowdfunding ที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ เช่น Kickstarter, Indiegogo, Lendingclub สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมี Crowdfunding รูปแบบหลักทรัพย์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.

International Money Transfer

ปัจจุบัน มีแอปพลิเคชันที่ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ และไม่จำเป็นต้องไปที่ธนาคาร แอปพลิเคชันในลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะเน้นการใช้อัตราแลกเปลี่ยนกลางมาตรฐาน โดยไม่มีการบวกส่วนต่างเพิ่มเข้าไปในอัตราแลกเปลี่ยน และยังสามารถทำการโอนเงินได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งแลกเงินเป็นสกุลอื่นได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งตัวอย่างของแอปพลิเคชัน ได้แก่ TransferWise, Paypal เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการทางการเงินได้เลือกใช้ตามวัตถุประสงค์ อย่างไรก็ดี ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ใช้บริการควรศึกษาทำความเข้าใจลักษณะของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ก่อนทุกครั้งที่จะใช้บริการ เพื่อจะได้สามารถใช้งานได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด และเกิดความเสี่ยงน้อยที่สุดนั่นเอง