โดยทั่วไปการเปิดบัญชีเงินฝากของผู้ฝากมักจะอยู่ในรูปแบบของบัญชีสกุลเงินบาท แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า ในกรณีที่เราต้องการเปิดบัญชีเงินฝากในสกุลเงินตราต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ยูโร (EUR) หยวน (CNY) หรือเยน (JPY) ก็สามารถกระทำได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี การเปิดบัญชีเงินฝากในสกุลเงินตราต่างประเทศส่วนใหญ่ จะเป็นผู้ฝากที่ใช้เงินตราต่างประเทศเป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยงของความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อาทิ ผู้ส่งออกและผู้นำเข้า หรือเพื่อสำรองเงินสำหรับการใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศในอนาคต เช่น ค่าการศึกษาบุตรหลานในต่างประเทศ เป็นต้น

บัญชีเงินฝากในสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit หรือ FCD) มีลักษณะคล้ายกับบัญชีเงินฝากปกติที่ผู้ฝากเปิดไว้กับธนาคาร เพียงแต่แทนที่จะเก็บเงินฝากในกุลเงินบาท ก็เก็บเงินฝากไว้ในรูปแบบเงินตราต่างประเทศแทน สำหรับประเภทของบัญชีเงินฝากในสกุลเงินตราต่างประเทศนั้น มีทั้งที่เป็นบัญชีประเภทสะสมทรัพย์ ประจำ หรือกระแสรายวัน ซึ่งโดยทั่วไป บัญชีเงินฝากในสกุลเงินตราต่างประเทศที่คนไทยสามารถถือได้นั้น จะสามารถแบ่งออกได้คร่าว ๆ 2 ชนิด ดังนี้

1. Domestic Funds – Special Foreign Currency Deposit (DSFCD) เป็นบัญชีที่ไม่มีรายได้จากต่างประเทศแบบไม่แสดงภาระ โดยมียอดคงค้างในบัญชีไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
2. General Foreign Currency Deposit (GFCD) Domestic Funds เป็นบัญชีประเภททั่วไป ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรับปรุงประเภทบัญชี FCD โดยรวมประเภทบัญชีที่มีแหล่งเงินจากต่างประเทศ (SFCD) และบัญชีที่ไม่มีรายได้จากต่างประเทศแบบแสดงภาระ (DFCD) เป็นบัญชี FCD ประเภททั่วไป (GFCD)

ปัจจุบัน มีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศและสาขาธนาคารต่างประเทศที่ให้บริการบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ซึ่งสำหรับบุคคลธรรมดาทั่วไป สามารถใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชน (Smart Card) ก็สามารถเปิดบัญชีได้ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาผลิตภัณฑ์ได้จากเว็บไซต์ของธนาคารผู้ให้บริการโดยตรง หรือสามารถศึกษาข้อมูลค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย 

อย่างไรก็ตาม บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศดังที่กล่าวมานี้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก