ระบบคุ้มครองเงินฝากนับได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการทางการเงินในประเทศ ด้วยเหตุนี้ ประเทศต่างๆ จึงให้ความสำคัญกับการมีหน่วยงานเฉพาะที่ทำหน้าที่คุ้มครองเงินฝาก อย่างไรก็ดี การออกแบบโครงสร้างของระบบคุ้มครองเงินฝากของแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของขอบเขตอำนาจหน้าที่ รวมทั้งวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ซึ่งรูปแบบโครงสร้างการคุ้มครองเงินฝากสามารถจำแนกออกได้เป็น 4 ประเภท ตามขอบเขตของอำนาจหน้าที่ ดังนี้
Pay-box | Pay-box Plus | Loss Minimiser | Risk Minimiser |
Bangladesh | Azerbaijan | Indonesia | Australia |
Brunei | Kazakhstan | Japan | Chinese Taipei |
Hong Kong | Mongolia | Russia | Korea |
Kyrgyz Republic | Singapore | Philippines | Malaysia |
India | Thailand | ||
Vietnam |
(ที่มา: The Research Technical Committee of the Asia-Pacific Regional Committee. (2562). MEMBERSHIP PROFILE OF THE ASIA-PACIFIC REGIONAL COMMITTEE. INTERNATIONAL ASSOCIATION OF DEPOSIT INSURERS.)
ขอบเขตของอำนาจหน้าที่ทั้ง 4 ประเภทข้างต้นถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความหลากหลายของรูปแบบการคุ้มครองเงินฝาก โดยเฉพาะประเภทของธุรกิจที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้ระบบคุ้มครองเงินฝากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
หน่วยงานคุ้มครองเงินฝากในเอเชียแปซิฟิกบางแห่งนั้น นอกจากจะให้ความคุ้มครองธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน (deposit-taking institutions) ขอบเขตการคุ้มครองยังครอบคลุมไปถึง บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเงินทุน เป็นต้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายเชิงโครงสร้างของระบบการเงินในภูมิภาคนี้ สำหรับกรณีศึกษาของหน่วยงานคุ้มครองเงินฝากที่มีระบบคุ้มครองเงินฝากที่ไม่ได้จำกัดความคุ้มครองแต่เพียง deposit-taking institutions ได้แก่ หน่วยงานคุ้มครองเงินฝากในสาธารณรัฐเกาหลีใต้
สถาบันประกันเงินฝากประเทศเกาหลีใต้ (KDIC) มีบทบาทเป็น Risk Minimizer ดำเนินการประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงในภาคการเงิน มีอำนาจหน้าที่ในการแทรกแซง และดำเนินการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน ด้วยบทบาทหน้าที่ดังกล่าว KDIC ได้บูรณาการระบบการคุ้มครองเงินฝาก (Integrated Protection Scheme) ของหน่วยงานในภาคการเงินเกาหลีใต้ ในปี 2541 โดยจัดตั้งกองทุนร่วม ซึ่งประกอบด้วยบัญชี 4 ประเภท ได้แก่
สำหรับประโยชน์จากการจัดตั้งกองทุนร่วมภายใต้ระบบ Integrated Protection Scheme มีดังนี้
ในส่วนของประเทศไทยนั้น สถาบันคุ้มครองเงินฝากซึ่งมีบทบาทเป็น Paybox Plus โดยมีพันธกิจด้านการจ่ายคืนผู้ฝากและขำระบัญชีและบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสถาบันการเงินนั้น ก็ให้ความคุ้มครองหน่วยงานประเภทอื่น ๆ นอกเหนือจากธนาคารพาณิชย์ (other deposit-taking institutions) เช่นเดียวกัน
ปัจจุบัน สถาบันคุ้มครองเงินฝากคุ้มครองหน่วยงานทั้งหมด 35 แห่งซึ่งประกอบด้วย deposit-taking institutions ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ และสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ รวมทั้งหมด 30 แห่ง นอกจากนี้ สถาบันคุ้มครองเงินฝากยังคุ้มครองหน่วยงานประเภท other deposit-taking institutions อีก 5 แห่ง ได้แก่ บริษัทเงินทุน และ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับการรับฝากเงินของธนาคารพาณิชย์แต่มีเงื่อนไขและรูปแบบการระดมทุนที่แตกต่างออกไป
ทั้งนี้ แม้ระบบคุ้มครองเงินฝากของไทยจะไม่ได้ถูกกำหนดเป็นรูปแบบ Integrated Protection Scheme ดังเช่นในเกาหลีใต้ แต่ประเทศไทยก็มีการประสานความร่วมมือกันระหว่าง กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแล (เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความร่วมมือระหว่างกัน อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน
โดย: ฝ่ายวางแผนและวิจัย
ปรับปรุงล่าสุด 28 ก.พ. 2567
สงวนสิทธิ์โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
Infographics
วิดีโอ
ข่าวประชาสัมพันธ์